ชุดชั้นในหาย ล่าสุด บ้านดุง อุดรธานี หญิงสุดทนพฤติกรรม โจรหื่น ขโมยชุดชั้นใน ไม่เลิก จนต้องเตือนให้ซักก่อนเอาไปดม ล่าสุดหลังเป็นข่าวยังตระเวนฉกยกทรงไปทั้งตะกร้า กว่า 20 ตัว ก่อนหน้านี้ น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิง วัย 31 ปี ได้แจ้งความเอาผิดกับ โจรหื่น ซึ่งดอดเข้ามาขโมยชุดชั้นในที่ตากไว้บริเวณที่พักอาศัย โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี
น.ส.เอ เล่าว่า โจรหื่นคนดังกล่าว ได้เข้ามาขโมยชุดชั้นในกว่า 10 ชุด
จนผู้เสียหาย ออกมาฝากข้อความไปถึงคนร้ายแกมประชดว่า หังจากเอาไปแล้ว ให้นำไปซักก่อน เพราะใส่มาหลายวัน เกรงผู้ร้ายจะเป็นลมเอาได้ ทั้งนี้ อ้างอิงข้อมูลจาก Khaosod Online ระบุ หลังจากเกิดเหตุที่บ้านพักของ น.ส.เอ แล้ว โจรขโมยชุดชั้นในแสบยังออกอาละวาดไม่เลิก
ล่าสุดจากรายงานข่าว เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ไปยกตะกร้าชุดชั้นในกว่า 20 ชุด ที่หญิงสาวคนหนึ่งตั้งไว้บริเวณหน้าที่พัก ซึ่งเมื่อตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด พบว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นชายอายุประมาณ 30-35 ปี เดินในมุมมืดและหลบกล้องวงจรปิดเข้าไปบริเวณเครื่องซักผ้าข้างบ้าน จากนั้นใช้เวลาไม่ถึง 30 วินาทียกเอาชุดชั้นในไปทั้งตะกร้า
เจ้าของบ้าน เล่าว่า ชุดชั้นในที่ถูกขโมยไปครั้งล่าสุดนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โจรบุกเข้ามาขโมยของใช้ส่วนตัวแบบนี้ แต่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ครั้งแรก วันที่ 16 พ.ค. ครั้งที่ 2 วันที่ 17 พ.ค. และล่าสุด วันที่ 19 พ.ค.
เบ็ดเสร็จมีชุดชั้นในเกือบร้อยชุดที่ถูกขโมยไป อยากวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้ เพราะเวลานี้ต้องซื้อชุดชั้นในมาใหม่ทั้งหมด แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ใช้ไปอีกนานแค่ไหน หากคนร้ายยังไม่ถูกจับกุมตัวมาลงโทษ
“ณ ตอนที่เข้ามาเป็นอาสาสมัครยังไม่มีเรื่องวัคซีนมาเกี่ยวข้องเลย ช่วงแรกเราเจาะเลือดเพื่อดูภูมิคุ้มกันและโอกาสการติดเชื้อจากการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ต่อเมื่อมีโครงการวัคซีนจึงเข้าร่วมต่อเนื่อง เพราะต้องการอาสาสมัครกลุ่มเดิมที่เจาะเลือดและมีผลเลือดมาอย่างสม่ำเสมอ ส่วนตัวเองก็อยากมีส่วนร่วมกับโครงการนี้ไปจนจบเช่นกัน”
“ต้องขอขอบคุณทีมผู้วิจัยที่ทำวิจัยที่ดีๆ แบบนี้ขึ้นมา และเปิดโอกาสให้หมอมีส่วนร่วมในฐานะอาสาสมัคร รู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยที่มีผลกับวงการสาธารณสุขอย่างมาก อาสาสมัครอย่างเราก็ถือเป็นเบี้ยตัวเล็กๆ เป็นหนึ่งในข้อมูลนับร้อยนับพันที่ปรากฎในงานวิจัย แต่เมื่อรวมกันกลับให้สิ่งที่ยิ่งใหญ่และเกิดประโยชน์กับคนไข้ประชาชนทั้งในประเทศไทยและอาจจะเป็นในระดับโลกด้วย” ศ.พญ.รังสิมา เผยความรู้สึก
กรมทางหลวง เตือน! ระวังมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ หลอกเก็บ ค่าผ่านทาง
กรมทางหลวง (ทล.) ประกาศแจ้งเตือนถึงการระวังมิจฉาชีพที่ทำการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน และดำเนินการหลอกเก็บ ค่าผ่านทาง
(20 พ.ค. 2565) กรมทางหลวง ขอแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ดำเนินการเรียกเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้นและเตือนอย่าหลงเชื่อโอนเข้าบัญชีส่วนบุคคลให้กลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว
ในกรณีที่เกี่ยวกับการขอโต้แย้งของประชาชน และแจ้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) กรมทางหลวงจะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับเท่านั้น จึงขอแจ้งให้ประชาชนโปรดระมัดระวัง ไม่หลงเชื่อคำแอบอ้างดังกล่าว แนะนำให้ชำระผ่านช่องทางที่กรมทางหลวงได้กำหนดไว้ เช่นช่องทางออนไลน์
ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถชำระผ่านทางเว็บไซต์หรือโมบายแอพพลิเคชั่น ของ M – Flow ด้วยบัตรเครดิตหรือเดบิต หรือชำระผ่านทางระบบบาร์โค้ดหรือคิวอาร์โค้ดผ่านทางตู้ ATM, เคาน์เตอร์ธนาคาร, เคาน์เตอร์เซอร์วิส (7 – 11) หรือชำระผ่าน Mobile Banking ได้ทุกธนาคารเพื่อความปลอดภัย ลดการแพร่ระบาดการติดเชื้อโควิด – 19 และให้ประชาชนตรวจสอบชื่อบัญชีก่อนทำการชำระโดยชื่อบัญชีจะต้องไม่เป็นชื่อบัญชีส่วนบุคคล
ทั้งนี้ กลุ่มมิจฉาชีพจะพัฒนารูปแบบการหลอกลวงโดยแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือจากหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งมักหลอกถามข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด เบอร์โทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขหลังบัตรประชาชน ฯลฯ หรือหลอกให้โอนเงินไปยังบัญชีส่วนบุคคลของมิจฉาชีพ
ขอให้ประชาชนโปรดระมัดระวังตัว อย่าหลงเชื่อโดยง่าย หากไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่แนะนำให้โทรสอบถามไปยังหน่วยงานนั้นๆ โดยตรง
กรมทางหลวงขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นบุคคลต้องสงสัย หรือพบมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง โปรดแจ้งสายด่วนกรมทางหลวง โทร. 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง)
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป